ک†ã₮µ$:: As we grow up, we don't lose friends we just learn who the real ones are..... If you don't stand for something, you'll fall for anything.~ถ้าคุณไม่อดทนต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง คุณก็จะล้มหลวในทุกๆสิ่ง..... Telling the truth and making someone sad is better than telling a lie and making someone happy..... Every time I look at the keyboard, I see that U and I are always together.. I wish there were two of you.....

11.27.2555

:: ตำนานวันลอยกระทง ::


ตามคติพุทธศาสนาเถรวาทหรือหินยานจะเชื่อว่า ในอดีตกาลมีพระพุทธเจ้าลงมาบังเกิด
ช่วยเหลือสัตว์โลกตามกัปกัลป์ต่างๆ รวมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์พระโคตมะนับได้ 28 องค์
 ส่วนทางคติอาจริยวาทหรือมหายาน เชื่อว่ามีอดีตพุทธเจ้ามากมายนับพันองค์ทีเดียว
ในสยามประเทศที่ถือคติเถรวาทเชื่อว่า กาลเวลาทางศาสนาจะแบ่งออกเป็น กัป หรือ กัลป์ ต่างๆ 
นับโดยนำผ้าอันเบาบางประดุจหมอกควันมาเช็ดถูขุนเขาที่มีขนาดกว้างหนึ่งโยชน์ สูงหนึ่งโยชน์ ยาวหนึ่งโยชน์
 ปีละหนึ่งครั้ง เมื่อขุนเขาราบเรียบจนเป็นหนึ่งเดียวกับพื้นพสุธาเท่ากับเวลา 1 กัป

กาลเวลาในปัจจุบันเชื่อว่า ศาสนาจะอยู่ในยุคภัทรกัป ซึ่งจะมีพระพุทธเจ้าลงมาบังเกิดถึง 5 พระองค์ 
ปรากฏการผูกเรื่องเป็นตำนานกล่าวถึง พญากาเผือกสองตัวผัวเมียทำรังอยู่ บนต้นมะเดื่อริมฝั่งคงคามหานที
 จนบังเกิดพระโพธิสัตว์ปฏิสนธิในครรโภทรของนาง พญากาเผือก ซึ่งตกไข่ออกมาถึง 5 ฟอง
เมื่อถึงคราวจะบังเกิดองค์พระพุทธเจ้า กิ่งมะเดื่ออันเป็นรังกาหักโค่นลงตามแรงพายุ 
ขณะที่พญากาเผือกออกไปหาอาหาร ครั้นกลับมา ให้ทุกขเวทนาตามหาฟองไข่ไม่เจอจนสิ้นใจ 
ด้วยความรักอันบริสุทธิ์ทำให้นางพญากาเผือกไปบังเกิดยังสวรรค์ได้พระนามว่า "ฆติกามหาพรหม" 
ส่วนไข่กาเผือกทั้ง 5 ได้ไหลไปตามน้ำและมีผู้เก็บได้คือ แม่ไก่เก็บได้ฟองหนึ่ง, แม่นาคราชเก็บได้ฟองหนึ่ง,
 แม่เต่าเก็บได้ฟองหนึ่ง, แม่โคเก็บได้ฟองหนึ่ง และแม่ราชสีห์เก็บได้ฟองหนึ่ง
ต่อมาปรากฏฟักเป็นมนุษย์มีรูปร่างงดงามและเสด็จออกผนวชจนตรัสรู้พระสัมโพธิ ญาณ จึงขนานพุทธนาม 
เพื่อเป็นบุญและอนุสรณ์แก่นางผู้เก็บไข่รักษาไว้จนกำเนิดว่า ด้วยความกตัญญู ทั้ง 5 พระองค์ 
ได้อธิษฐานจิตให้ได้พบนางพญากาเผือกผู้เป็นแม่อันแท้จริงก่อนการตรัสรู้
 บรรดาพระโพธิสัตว์ทั้งห้าพากันทอเส้นฝ้ายปั่นเป็นด้ายแผ่เป็นรอยตีนกา 
เพื่อรำลึกถึงคุณของบิดา-มารดาที่เคยเสวยชาติเป็นกาเผือก 
จุดเป็นประทีปลอยลงเพื่อบูชาพระแม่คงคาที่ช่วยปกปักรักษาให้รอดแต่ครั้งยังเป็นไข่กา 
และบูชาคุณพญากาเผือก โคมประทีปที่จุดจากด้าย
ซึ่งแผ่เป็นตีนกานั้นส่องขึ้นไปถึงฆติกา มหาพรหม หรือนางพญากาเผือก
 จนมองลงมาเห็นลูกรักที่ตั้งสัตย์อธิษฐานบูชาคุณจนโลกนาถหวาดไหว
 มหาพรหมจึงเหาะลงมาพบกับลูกทั้งห้าตามแสงโคมประทีปและถวายเครื่องทรงผนวช 
จนทุกพระองค์สำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณ

ต่อมาสาธุชนจึงสืบทอดเป็นประเพณี "จุดโคมประทีปลอยกระทง"ทุกวันเพ็ญเดือนสิบสอง
 และให้ผู้เป็นมารดาทำหน้าที่ถวายผ้าไตรกับบุตรผู้จะถือบวชสืบมาตั้งแต่บัดนั้น 
ด้วยเหตุตามกล่าวนี้ โบราณาจารย์และศาสนิกชน จึงเปล่งคำบูชาพระเจ้าห้าพระองค์ว่า "นะ โม พุท ธา ยะ" 
และจัดสร้างพระพิมพ์รูปพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ อันนับว่าเป็นของดีอย่างหนึ่งที่จะช่วยคุ้มครองป้องกันภัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น