ک†ã₮µ$:: As we grow up, we don't lose friends we just learn who the real ones are..... If you don't stand for something, you'll fall for anything.~ถ้าคุณไม่อดทนต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง คุณก็จะล้มหลวในทุกๆสิ่ง..... Telling the truth and making someone sad is better than telling a lie and making someone happy..... Every time I look at the keyboard, I see that U and I are always together.. I wish there were two of you.....

4.03.2554

:: ทำไมกุ้งโดนความร้อนแล้วเป็นสีแดง? ::



เมื่อหลายวันก่อน ทางบ้านข้าพเจ้าพากินข้าวนอกบ้าน

สั่งอาหารทะเลนานานับไม่ถ้วนกันแหลกลาน

ระหว่างที่ทานอยู่นั่น ข้าพเจ้าก็มองไปยังกุ้งตัวโตที่กำลังถูกย่างอยู่

จึงเกิดคำถามที่ว่า "ทำไมตัวกุ้งถึงเปลี่ยนสี?"

ข้าพเจ้าจึงมานั่งเสิร์ชหาข้อมูล ก็พบว่า


ในเปลือกกุ้งหรือกระดองของสัตว์พวกเดคาพอด (decapod เช่น กุ้ง ปู)

จะมีโปรตีนชื่ออัลฟา-ครัสตาไซยานิน (α-crustacyanin) เป็นส่วนประกอบ

ภายในโมเลกุลนี้จะมีรงควัตถุสีแดงชื่อแอสตาแซนธิน (astaxanthin) อยู่ภายใน

แอสตาแซนตินเป็นรงควัตถุในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (carotenoid)

ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับรงวัตถุชื่อแคโรทีนที่เราพบในแครอท

การเกาะกันระหว่างโปรตีนและรงควัตถุนี้ทำให้เป็นโปรตีนเชิงซ้อน (carotenoprotein)

จะทำให้ค่าการดูดกลืนแสงสูงขึ้นอยู่ในช่วงแสงสีเขียว-ม่วงในสัตว์ทะเล

นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงเห็นกุ้งหรือปูมีสีเขียวน้ำเงินหรือสีน้ำตาล

การที่สัตว์เหล่านี้มีสีเช่นนี้ก็เพื่อให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมและลดความเสี่ยงในการถูกจับกิน

และการมีแอสตาแซนธินจะมีผลต่อการเจริญของสัตว์นั้นๆ อีกด้วย


เมื่อโดนกับความร้อน โปรตีนเชิงซ้อนนี้จะเกิดการเสียสภาพธรรมชาติ (denature)

ทำให้แอสตาแซนตินที่อยู่ภายในวิ่งออกมาข้างนอกและเปลี่ยนเป็นสีแดงตามปกติของมัน

นี่แสดงให้เห็นว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่โปรตีนเสียสภาพ เราจะเห็นเปลือกกุ้งมีสีแดง

นี่เป็นเหตุผลเดียวกับการบีบมะนาวลงในกุ้งเต้น

หลายคนคิดว่าการบีบมะนาวลงไปและทำให้กุ้งมีแดงนั้นหมายถึงว่ากุ้งมันสุกแล้ว

ที่จริงมันยังไม่สุก เปลือกมันแค่แดงเฉยๆ


สรุปก็คือปัจจัยที่ทำให้โปรตีนเกิดการเสียสภาพธรรมชาติไป

คือ อุณหภูมิสูงและความเป็นกรด-ด่างที่สูงหรือต่ำเกินไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น