ได้เปลี่ยนอุปสรรคทั้งมวลให้กลายเป็นนั่งร้านแห่งการประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างงดงามเลอค่า
จนตัวเขาได้กลายเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งของโลกไปอย่างคาดไม่ถึง
ผู้ชายคนนั้นชื่อ “เนลสัน แมนเดลา”
อดีตประธานาธิบดีของประเทศแอฟริกาใต้และผู้เป็นเจ้าของ รางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ
และเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและเป็นทูตแห่งสันติภาพ ที่มีเกียรติมากที่สุดคนหนึ่งของโลก
ที่ไม่ว่าในเวลานี้เขาจะย่างกรายไปเยือนประเทศใดในโลกนี้
รัฐบาลและประชาชนแห่งประเทศนั้น ล้วนยินดีต้อนรับเขาอย่างสมเกียรติ
เพราะเขาคือชายผู้มีเกียรติมากที่สุดคนหนึ่งเท่าที่โลกนี้เคยมี
วันเกิดของเขาในรอบหลายปีที่ผ่านมา มีประชาชนหลายประเทศจัดงานเฉลิมฉลองให้เขา
เสมือนหนึ่งว่า เขาเป็นพลเมืองของประเทศนั้นเสียเอง
แต่กว่าจะมีวันชื่นคืนสุขเช่นทุกวันนี้ ใครเลยจะรู้ว่า ชายผิวดำนาม เนลสัน แมนเดลา
เคยมีชีวิตที่ทุกข์ตรมขมไหม้และต้องถูกจองจำอย่างยาวนานโดยไร้ความผิดในเรือนจำมากว่า ๒๗ ปี
จนเขากลายเป็นนักโทษการเมืองที่ถูกจองจำนานที่สุดในโลก
แต่เมื่อได้รับอิสรภาพแล้ว เขาก็เป็นนักโทษทางการเมืองที่มีชื่อเสียงหอมฟุ้งมากที่สุดในโลกเช่นกัน
๒๗ ปี ในเรือนจำของแมนเดลา จึงเป็น ๒๗ ปีแห่งการอดทนและรอคอยอย่างยาวนานที่สุด
เท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะพึงอดทนและรอคอยได้
ทั้งยังเป็น ๒๗ ปี แห่งการบ่มบำเพ็ญบารมีทางความคิดและทางการเมืองที่เข้มข้น
แหลมคมที่สุดเช่นเดียวกัน
ไม่น่าเชื่อว่า ๒๗ ปีที่อยู่ในคุก
ความหวังและความฝันอันรุ่งโรจน์ของเขาไม่เคยผุกร่อนหรือมอดไหม้
บนเส้นทางของการรอคอยอันยาวนาน ที่มีความอดทนเป็นน้ำหล่อเลี้ยง
บนเส้นทางของการรอคอยอันยาวนาน ที่มีความอดทนเป็นน้ำหล่อเลี้ยง
มีความหวังเป็นจุดหมาย ในที่สุด เนลสัน แมนเดลา กลับได้รับบำเหน็จรางวัลเลอค่า
ที่ตัวเขาเองก็คงไม่เคยคาดฝัน
ปี ๑๙๙๙ เนลสัน แมนเดลา ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี
และอุทิศตนให้กับงานการกุศลระดับโลก ทุกวันนี้แม้เขาไม่ได้นั่งอยู่ในเก้าอี้แห่งอำนาจ
ในทำเนียบประธานาธิบดีของแอฟริกาใต้อีกต่อไปแล้ว
แต่เขาได้ยกตัวเองให้สูงขึ้นไปยิ่งกว่านั้น
นั่นคือ การเป็นคนของโลกผู้เข้าไปนั่งอยู่ในใจของใครต่อใครมากมายทั่วโลก
ในฐานะทูตสันติภาพโลก และผู้บริหารกองทุน เนลสัน แมนเดลา เพื่อเด็กและเยาวชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น